; ต้นไม้ดูดซับกลิ่น | MHMG

ต้นไม้ดูดซับกลิ่น

ต้นไม้ดูดซับกลิ่น

การมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านหรือที่ทำงานไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมของผู้อยู่อาศัย 

ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนมากจึงหันมาใช้ต้นไม้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยดูดซับกลิ่นและฟอกอากาศภายในบ้าน นอกจากต้นไม้จะช่วยเพิ่มความสวยงามและความสดชื่นให้กับพื้นที่แล้ว ยังมีต้นไม้บางชนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นบุหรี่ หรือกลิ่นอับในห้องต่างๆ 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับต้นไม้ที่มีคุณสมบัติดูดซับกลิ่น พร้อมรายละเอียดของแต่ละต้น เช่น จุดเด่น ประโยชน์ วิธีการดูแล และคำแนะนำในการปลูกไว้ในบ้านหรือสำนักงาน เพื่อให้คุณสามารถเลือกปลูกต้นไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่และสไตล์ชีวิตของคุณได้อย่างลงตัว


ต้นไม้ที่สามารถดูดซับกลิ่นได้ พร้อมวิธีดูแล

1. ต้นลิ้นมังกร (Sansevieria)

คุณสมบัติพิเศษ: ดูดซับสารพิษในอากาศ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน รวมถึงกลิ่นเหม็นและกลิ่นบุหรี่
ข้อดี: คายออกซิเจนในเวลากลางคืน เหมาะกับห้องนอน

วิธีดูแล
  •   แสง: วางในที่มีแสงรำไร หรือแสงแดดอ่อน
  •   น้ำ: รดน้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รากไม่ควรแฉะ
  •   ดิน: ดินร่วนระบายน้ำได้ดี

2. ต้นเดหลี (Peace Lily)

คุณสมบัติพิเศษ: ช่วยลดกลิ่นอับในห้องน้ำหรือห้องครัว และฟอกสารพิษในอากาศ
ข้อดี: ดอกสวยและทนต่อสภาพในอาคาร

วิธีดูแล
  •   แสง: วางในที่มีแสงรำไร
  •   น้ำ: รดน้ำเมื่อดินแห้ง และฉีดละอองน้ำที่ใบเพื่อความชื้น
  •   ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยละลายน้ำทุก 1-2 เดือน

3. ต้นพลูด่าง (Pothos)

คุณสมบัติพิเศษ: ดูดกลิ่นอับและสารเคมี เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์จากเฟอร์นิเจอร์
ข้อดี: เลื้อยสวยงาม ปลูกในแจกันหรือตะกร้าแขวนได้

วิธีดูแล
  •   แสง: อยู่ได้ทั้งแสงแดดรำไรและในที่แสงน้อย
  •   น้ำ: รดน้ำทุก 2-3 วัน
  •   ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการปักชำ

4. ต้นยางอินเดีย (Rubber Plant)

คุณสมบัติพิเศษ: ใบใหญ่ช่วยดูดซับกลิ่นและฝุ่นในอากาศได้ดี
ข้อดี: เสริมฮวงจุ้ย ช่วยดูดซับพลังงานลบ

วิธีดูแล
  •   แสง: ชอบแสงรำไรถึงแดดปานกลาง
  •   น้ำ: รดน้ำเมื่อดินเริ่มแห้ง
  •   ทำความสะอาดใบเป็นประจำ

5. ต้นกวักมรกต (Zamioculcas)

คุณสมบัติพิเศษ: ลดกลิ่นอับในพื้นที่อับชื้น เช่น ห้องเก็บของ
ข้อดี: ทนแล้ง ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลมาก

วิธีดูแล
  •   แสง: แสงรำไรถึงแสงน้อย
  •   น้ำ: รดน้ำสัปดาห์ละครั้ง
  •   ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยออสโมโค้ท 3 เดือนต่อครั้ง

6. ต้นเขียวหมื่นปี (Aglaonema)

คุณสมบัติพิเศษ: ดูดซับกลิ่นและสารพิษในอากาศ ช่วยให้บรรยากาศสดชื่น
ข้อดี: ใบสวยหลากสีสัน ทนทาน

วิธีดูแล
  •   แสง: ชอบแสงรำไร
  •   น้ำ: รดน้ำทุก 2-3 วัน ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป
  •   ดิน: ดินร่วนซุยระบายน้ำดี

7. ต้นเฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)

คุณสมบัติพิเศษ: ดูดซับกลิ่นอับ กลิ่นควัน และเพิ่มความชื้นในอากาศ
ข้อดี: ใบสวย ให้บรรยากาศเขียวชอุ่ม

วิธีดูแล
  •   แสง: แสงรำไร ไม่ควรโดนแดดตรง
  •   น้ำ: รดน้ำสม่ำเสมอ และฉีดพ่นละอองน้ำบ่อย
  •   ความชื้น: ควรอยู่ในพื้นที่ชื้น เช่น ห้องน้ำ

8. ต้นเลมอนบาล์ม (Lemon Balm)

คุณสมบัติพิเศษ: ปล่อยกลิ่นหอมธรรมชาติช่วยกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์
ข้อดี: ปลูกง่าย มีกลิ่นหอมอ่อน

วิธีดูแล
  •   แสง: ต้องการแสงแดดอ่อนถึงปานกลาง
  •   น้ำ: รดน้ำทุกวันเล็กน้อย
  •   ตัดแต่งใบเพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่

เคล็ดลับในการปลูกต้นไม้ดูดกลิ่นในบ้าน

  • เลือกตำแหน่งวางที่เหมาะสม: ห้องครัว ห้องน้ำ มุมอับ หรือใกล้เครื่องปรับอากาศ
  • อย่าให้น้ำขังในกระถาง: เพราะอาจเกิดกลิ่นเหม็นจากรากเน่าแทน
  • ใช้ดินที่ระบายน้ำได้ดี: เช่น ดินร่วนผสมทรายหยาบ หรือมะพร้าวสับ
  • ดูแลใบให้สะอาด: ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดใบเพื่อให้พืชหายใจและดูดสารได้ดีขึ้น
  • ใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ: เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่น

บทสรุป ต้นไม้ไม่เพียงแต่ช่วยตกแต่งบ้านให้สวยงามและร่มรื่น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการดูดซับกลิ่นและสารพิษต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ การเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของบ้าน พร้อมกับการดูแลที่ถูกวิธี จะช่วยให้คุณได้ทั้งอากาศบริสุทธิ์และบรรยากาศที่สดชื่นอยู่เสมอ นับเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจในระยะยาวอย่างแท้จริง

0 Post a Comment

ใส่คำแนะนำในส่วนนี้ได้เลยค่ะ